วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ขั้นตอนการทำกระสอบทรายตั้งพื้น






ดีกษาอดีต ะ ทำไมพระพุทธศาสนาถึงเสือมจากอินเดียประเทศอินเดียเป็นที่เกิดพระพุทธศาสนา แต่ทว่าในปัจจุบัน ในขณะที่พระพุทธศาสนาได้แผ่ขยายและเจริญรุ่งเรืองในดินแดนต่าง ๆ แต่ในอินเดียเอง พระพุทธศาสนากลับเสือมลง จนในยุคหนึ่งถึงขั้นกล่าวได้ว่าแทบไม่มีชาวพุทธหลงเหลืออยู่เลย ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นน่าจะมาจาก 2 สาเหตุต่อไปนี้คือ1. สาเหตุจากภายในพระพุทธศาสนาเองพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาซึ่งมีพระภิกษุสงฆ์เป็นผู้น่า โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ในแง่การปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่นิพพาน พระภิกษุสงฆ์คือผู้ที่สละโลกตั้งใจปฏิบัติธรรมขัดเกลากิเลส ถือเป็นแบบอย่างของชาวพุทธโดยทั่วไปและในแง่การเผยแผ่ศาสนา พระภิกษุสงฆ์ก็อยู่ในฐานะของครูผู้สอน โดยสาธุซนทั่วไปเป็นผู้รับฟังคำสอนแล้วน่าไปปฏิบัติ และทำบุญให้การสนับสนุนในการดำรงชีพและการปฏิบัติศาสนกิจของพระภิกษุสงฆ์ในระยะแรก พระภิกษุสงฆ์ที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มีอยู่เป็นจำนวนมาก และเป็นผู้น่า เป็นแบบอย่างแก่พระภิกษุสงฆ์อื่นในการเผยแผ่พระศาสนา พระภิกษุสงฆ์ส่วนใหญ่ต่างมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ็น เป้าหมายการบวชคือบวชเพื่อมุ่งพระนิพพาน ให้ความสำคัญทั้งการคืกษาพระปริยัติธรรม และการปฏิบัติธรรมควบคู่กันไป ตลอดจนการลังสอนประชาซนให้ปฏิบัติตาม พระพุทธศาสนาจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็วต่อมาผู้ที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มีน้อยลง ในหมู่พระภิกษุสงฆ์ก็มีทั้งผู้ที่มีใจรัก มีความเชี่ยวชาญทางด้านพระปริยัติธรรม และผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านธรรมปฏิบัติ แต่เนื่องจากการศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นสิงที่สามารถวัดความรูได้ กระสอบทรายfbt  สามารถจัดการศึกษาเป็นระบบและให้วุฒิการศึกษาได้ ในขณะที่ธรรมปฏิบัตินั้น เป็นสิงที่รู้เฉพาะตน เป็นของละเอียด วัดได้ยาก และตราบใดที่ยังไม,บรรลุธรรมถึงขั้นเป็นพระอริยบุคคล ธรรมที่ตนเคยได้เช่น ฌานตาง ๆ นั้นก็ยังเป็นสิงที่เสือมได้ ดังตัวอย่าง ผู้ที่เคยได้ฌานสมาบัติถึงขั้นเหาะได้ เมื่อไม่สำรวมอินทรีย์ ปล่อยให้กามราคะเข้าครอบงำใจ ฌานก็เสือมตกลงสู่พื้นดิน และพระภิกษุสงฆ์ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมปฏิบัติ ยังมักมีใจโน้มเอียงไปในทางแสวงหาความสงบสงัด มักไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่เมื่อเป็นเช่นนี หลังจากเวลาผ่านไป พระภิกษุผู้เชี่ยวชาญด้านปริยัติธรรมจึงขึ้นมาเป็นผู้บริหารการปกครองคณะสงฆ์โดยปริยาย และเมื่อผู้บริหารการคณะสงฆ์โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญทางปริยัติธรรม ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่การส่งเสริมการภิกษาของสงฆ์ก็จะหนักไปในด้านพระปริยัติธรรมเป็นหลัก เพราะเป็นสิงที่คุ้นเคยและชำนาญ แม้จะเห็นความสำคัญของธรรมปฏิบัติ แต่เมื่อตนไม่คุ้นเคย ไม่มีความชำนาญ การสนับสนุนก็ทำได้ในขอบเขตหนึ่งเท่านั้น พระ-ภิกษุสงฆ์รุ่นใหม่ ๆ จึงมักได้รับการฝึกอบรมในด้านพระปริยัติธรรมเป็นหลักส่วนธรรมปฏิบัติก็ค่อยๆ เสือมลงการภิกษาพระปริยัติธรรมนั้น ในยุคแรกๆ ก็ภิกษาเพื่อเน้นให้เข้าใจในพุทธพจน์ คำสั่งสอนของพระลัมมาลัมพุทธเจ้า เพื่อนำมาใชในการปฏิบัติเป็นหลัก แต่ต่อมาเมื่อภิกษามากเข้าๆ ก็มีพระภิกษุสงฆ์ที่เป็นนักคิด นักทฤษฎีจำนวนหนึ่ง ทนการท้าทายจากนักคิดนักปรัชญาของศาสนาอื่นๆ ไม่ได้เมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องอภิปรัชญา เช่น โลกนี้โลกหน้าว่ามีจริงหรือไม่ตายแล้วไปไหน จิตมีการรับรู!ต้อย่างไร โลกเป็นอยู่อย่างไร มีจริงหรือไม่ เป็นต้นคำถามเหล่านี้เป็นสั่งที่พระลัมมาลัมพุทธเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ เพราะถือว่าไม่เกิดประโยชน์ ทรงอบรมสั่งสอนแต่สั่งที่นำไปสู่การขัดเกลากิเลส มุ่งสู่พระ-นิพพาน และเมื่อถึงจุดนั้นแล้วผู้ปฏิบัติก็ย่อมจะเข้าใจสั่งเหล่านี้ได้เองคนอินเดียเป็นคนช่างคิดและชอบมีการถกเถียงอภิปรายกันในเรื่องต่างๆ ผู้ใดเป็นคนเจ้าเหตุเจ้าผล เจ้าคารมก็มีคนเคารพนับถือมาก พระผู้เชี่ยวชาญทางปริยัติธรรมจำนวนหนึ่งเมื่อถูกท้าทายมากเข้า ก็อดรนทนไม่ไหวเข้าร่วมการถกเถียงนี้ด้วย กระสอบทรายตั้งพื้นหาซื้อได้ที่ไหน พยายามหาเหตุผลทางทฤษฎีการให้เหตุผลทางตรรกศาสตร์มาอธิบายปัญหาเหล่านี้ตามแนวคิดในพระพุทธศาสนา


โฒหลักธรรมในพระพุทธศาสนาซึ่งเมื่อปฏิบัติจนเข้าถึงแล้ว pvc ผู้ปฏิบัติย่อมเห็นตรงกัน เป็นภาวนามยป้ญญา (ความรู้แจ้ง) แต่เมื่อพยายามพิสูจน์ด้วยความคิดทางตรรกศาสตร์ ด้วยจีนตามยปัญญา (ความรู้คิด) ผลก็คือนักทฤษฎีของพระพุทธศาสนาเองก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เกิดเป็นแนวคิดของสำนักต่างๆ และแตกตัวเป็นนิกายต่างๆ ในที่สุด มีน้กทฤษฎีในพระพุทธ-ศาสนาที่มีชื่อเสียงเกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น นาคารชุน อลังคะ วสุพันธุทิคนาคะ ภาววิเวก ธรรมกีรติ ศานตรักษิตะ เป็นต้นแนวคิดของพระนักทฤษฎีเหล่านี้มีความลึกซึ้งมาก จนแม้นักวิชาการตะวันตกปัจจุบันมาเห็นเข้ายังตื่นตะลึง แต่ผลก็คือ พระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาที่มีคำสอนที่สลับซับซ้อน จนชาวบ้านพิงไม่เข้าใจ ประหนึ่งว่าพระ-พุทธศาสนากลายเป็นศาสนาของพระภิกษุสงฆ์ แตกมีพระภิกษุสงฆ์จำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้เรื่อง ชาวพุทธทั่วไปกลายเป็นชาวพุทธแต่ในนาม ไปวัดทำบุญตามเทศกาล ตามประเพณีเท่านั้น ขณะเดียวกันมีพระภิกษุสงฆ์อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากกว่า ได้หันไปปฏิบัติตนตามใจชาวบ้าน ซึ่งมักต้องการพึ่งพาในอำนาจลึกลับ ความตักดื่สิทธิ้ จึงมีการเล่นเครื่องรางของขลัง เวทมนตร์คาถาต่าง ๆ วัตรปฏิบัติก็ย่อหย่อนลง จนถึงจุดหนึ่งเกิดเป็นนิกายตันตระซึ่งเลยเถิดไปถึงขนาดว่าถือว่า การเสพกามเป็นหนทางสู่การตรัสรู้ธรรม การดื่มสุราเป็นสิงดี เป็นต้นพระพุทธศาสนาได้แยกออกเป็น 2  เป้าชกมวยราคา ทางที่สุดโต่งอย่างนี้ คือแบบวิชาการ ทฤษฎีล้วนๆ และแบบเวทมนตร์คาถาดังกล่าว พระพุทธศาสนาในอินเดียจึงถึงกาลเสือมลงในที่สุด2. สาเหตุจากภายนอกในอินเดียนอกจากพระพุทธศาสนาแล้วก็ยังมีศาสนาอื่นๆ อีกมาก ที่มีอิทธิพลมากคือศาสนาพราหมณ์ เมื่อพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้น คนหันมานับถือมาก ศาสนาพราหมณ์ก็อับแสงลง แต่ผู้นำในศาสนาพราหมณ์ก็พยายามหาทางดึงศาสนิกกลับคืนอยู่ตลอดเวลา พยายามหยิบยกเอาคำสอนในพระพุทธศาสนาหลายอย่างไปเป็นของตัวบ้าง ปรับเปลี่ยนหลายสิงหลายอย่างจนที่สุดแล้วกลายเป็นศาสนาฮินดู  แเทรวินทิเมื่อถึงเวลาที่พระพุทธศาสนาเสือมลงจากภายในแล้ว ก็ได้มีการเปลี่ยนวิธีการจากการโจมตีพระพุทธศาสนามาเป็นการผสมกลมกลืน โดยมีปราชญ์ใหญ่ซื่อ ศังกระ (ประมาณ พ.ศ. 1280) เป็นผู้นำในการปฏิรูปศาสนาฮินดู มีการเลียนแบบวัดในพระพุทธศาสนา สร้างที่พักนักบวชในศาสนาฮินดูเรียกว่า มถะ เป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ศาสนาฮินดูขึ้นเป็นครั้งแรก ต่อมามีการปฏิรูปอื่นๆ อีกมากมาย ถึงขนาดมีการปรับคำสอนบอกว่าพระ-พุทธเจ้าคือองค์อวตารปางที่ 9 ของพระวิษณุ เพราะฉะนั้นผู้ที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้าทุกคนก็คือชาวฮินดูนั่นเอง เมื่อพระพุทธศาสนาเองก็เสือมจากภายใน ชาวพุทธโดยทั่วไปไม่มีความรู้ในพระพุทธศาสนา พอพบกับยุทธวิธีชองศาสนาฮินดูเข้าเซ่นนี้  กระสอบทรายแขวน ชาวพุทธก็ยิ่งสับสน แยกไม่ออกระหว่างพระพุทธ-ศาสนากับศาสนาอื่น ทั้งที่เป็นชาวพุทธก็เคารพนับถือกราบไหว้พระพรหมเทพเจ้าต่างๆ เจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ ด้วย พระภิกษุสงฆ์เองบางรูป บางท่านก็เอาใจชาวบ้าน เห็นเขานับถือเทพต่างๆ เจ้าแม่ต่างๆ ก็เอารูปปันของเทพเหล่านั้นมาไว้ในวัด ให้ซาวบ้านกราบไหว้บูชา ผลที่สุดชาวบ้านจึงแยกไม่ออกคิดว่าพระพุทธศาสนากับศาสนาฮินดูก็คืออันเดียวกัน ชาวพุทธแต่เดิมก็กลายเป็นชาวฮินดูไปค่อนตัว และเมื่อเจอเหตุกระทบคือ ตั้งแต่ประมาณพ.ศ. 1600 กองทัพมุสลิมบุกเข้ายึดอินเดีย ไล่มาจากทางตอนเหนือ และประกาศท่าลายพระพุทธศาสนา เผาวัดวาอาราม ฆ่าพระภิกษุสงฆ์ โหดร้ายถึงขนาดมีการให้รางวัลแก่ผู้ที่ตัดคืรษะพระภิกษุสงฆ์มาส่งให้ พระภิกษุสงฆ์จึงต้องสึกบ้าง อพยพหลบหนีกันไปหมด พระพุทธศาสนาซึ่งขณะนั้นมีแต่พระภิกษุสงฆ์จำนวนน้อยที่รู้คำสอนในพระพุทธศาสนา แต่ชาวพุทธทั่วไปไม,รู้คำสอน เมื่อพระภิกษุสงฆ์หมด กระสอบทรายมือสอง พระพุทธศาสนาก็หมดลงจากประเทศอินเดียน่าสนใจว่า ในขณะที่พระพุทธศาสนาหมดไปจากอินเดียอย่างรวดเร็วภายใต้การปกครองของกษัตริย์มุสลิม แต่ศาสนาฮินดูเองกลับสามารถรักษาสถานภาพของการเป็นศาสนาของคนส่วนใหญ่ของอินเดียอยู่ได้ตลอดระยะเวลา651 ปี ภายใต้การปกครองของมุสลิม ทั้งนี้เพราะศาสนาฮินดูได้เน้นให้ศาสนิกปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด ศาสนิกจึงมีความผูกพันกับศาสนา300ย ฐาน'วุฑโฒตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งพิธีกรรมในเวลาเกิด การเรียน การเป็นผูใหญ่ การแต่งงานการมีบุตร การจาริกแสวงบุญ การตาย เทศกาลต่างๆ มีข้อกำหนดให้ศาสนิกปฏิบัติในวาระโอกาสต่างๆ อย่างละเอียด ศาสนาจึงไม่ได้ฝากอยู่กับนักบวชเพียงอย่างเดียว แต่เป็นศาสนาของชาวบ้านเป็นเหตุให้ถูกท่าลายได้ยากจากบทเรียนที่ผ่านมาในอินเดียดังกล่าวนี้ เราอาจสรุปได้ว่าความมั่นคงของพระพุทธศาสนา มีปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ชาวพุทธต้องเป็นชาวพุทธที่แท้,จริง มีความรู้ความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธศาสนา โดยต้องคืกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติเพื่อให้เกิดปฏิเวธ การเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็เช่นกันต้องกระท่าโดยคำนึงถึงเป้าหมายเหล่านี้ พระพุทธศาสนาจึงจะมั่นคงอยู่ได้อย่างแท้จริง

กระสอบทรายตั้งพื้นราคาถูก

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การพัฒนากระสอบทรายจากอดีตถึงปัจจุบัน





พุทรวิช้ทิะสกาบันสนน์แสบทิทผิกทไขแริอ?พิทยา ว่องกุลระเจ้าตายแล้ว" พาดด้วยอักษรตัวโตกลางหน้าปกนิวสวีค(Newsweek)...ผู้เขียนหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นพลิกดูคร่าว ๆ 'ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งของเซ็นทรัล สเตชั่น (สถานีกลาง) ของนครอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ขณะที่ยืนแกร่วรอคอยนักวิชาการไทย/ฝรั่งที่เข้าร่วมประชุม 7th International Con-ference on Thai Studies ซึ่งนัดพบกันเพื่อปันจักรยานชมเมืองตามเส้นทางเสด็จของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2542เสียดาย กระสอบทรายตั้งพื้น เมื่อกลับมาตุภูมิในสัปดาห์ต่อมาแล้ว หาซื้อนีวสวิคฉบับนั้นไม่ได้จึงสงสัยว่าฉบับที่พิมพ์ขายในเนเธอร์แลนด์ต่างกับฉบับที่จำหน่ายในเอเชียอย่างไรก็ดี แม้จะไม'ได้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้าตายแล้วในยุโรปจริงหรือไม่ แต่ก็มีหสักฐานที่น่าเชื่อถือว่า พระเจ้าวิปลาสไปแล้วจริง ๆ ที่อัมสเตอร์ดัม    เมื่อเห็นโบสถ์ใหญ่โตมโหฬาร สูงตระหง่านในนครแห่งนี้ เปลี่ยนสภาพเป็นห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ทำงานของบริษัท ส่วนบาทหลวงและแม่ชีผู้สืบทอดคริสต์ศาสนาก็ต้องโบกมืออำลาดินแดนอันคักดี้สิทธึ๋...และจากไปเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว...นับเป็นการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของพระเจ้าในเนเธอร์แลนด์ เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ศรัทธาสนใจศาสนาเท่าที่ควร ศาสนิกชนห่างเหินโบสถ์ การทะนุ-บำรุงคริสต์ศาสนาก็ลดน้อยถอยตามลงไป จนกระทั่งรายได้จากการบริจาคทำบุญไม่เพียงพอสำหรับการดูแลรักษาโบสถ์อันโอฬารตระการตาหลายแห่งไมใช่เฉพาะแตในเนเธอร์แลนด์เท่านั้นที่ศาสนาต้องเผชิญวิกฤติศรัทธาปัจจุบันนี้ ศาสนาต่าง ๆ รวมไปถึงลัทธิสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ทั่วโลกล้วนเผชิญปัญหาความเสือมโทรมลงทีละน้อย บางประเทศเกิดความขัดแย้งทางศาสนาอย่างรุนแรง คนรุ่นใหม่ กระสอบทรายพร้อมขาตั้ง (New Generation) ขาดความศรัทธาเลื่อมใสศาสนาเก่าแก่ที่สืบทอดมานานนับพันปีสาเหตุสำคัญที่ทำให้ศาสนาเก่าแก่เลื่อม ลัทธิการเมืองเลื่อม และลังคมเกิดปัญหาเลื่อมโทรมทางจิตวิญญาณไปทั่วโลกนั้น มีคนน้อยคนนักจะยอมรับความจริงว่า ในจิตใจของตนถูกยึดครองด้วยความเชื่อต่อพระเจ้าในอีกศาสนาหนึ่ง ซึ่งเพิ่งประกาศคำสอนในต้นศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา นั่นคือ พระเจ้าเงินตรา (ระบบทุนนิยม)เอกสารเอ็กซ์ฟลอเรอร์ (Explorer) เรื่อง ภาวะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของโบสถ์ในเนเธอร์แลนด์ “บรรดาพระเจ้าวิปลาศไปเสียแล้ว...” สะท้อนให้เห็นปัญหานี้เป็นอย่างดี ด้งสาระที่ว่า“เมื่อบรรดาพระเจ้าเบนสายพระเนตรไปเส้นทางอื่น เหล่าผู้จ้องทำลายสิงค้กดี้สิทธื้ ก็ฉวยโอกาสจู่โจมเข้ายึดโบสถ์ทันที นี่คือเส้น'ทาง,ชาวดัทซ๎ในการเปลี่ยนแปลงโบสถ์ครั้งใหม่”ปัจจุบัน เป้าชก การแต่งงานตามประเพณีชาวคริสต์ในบรรดาโบสถ์แห่งอัมสเตอร์ดัม กลายเป็นลื่งที่เป็นไม่ได้เสียแล้ว และสำหรับผู้ที่เป็นโปเตส-บทเท่ - นเทรวิบกิ ะ สท1บันสนน'ทิศฌิ0เทUHSO?พิทยา ว่องกุลแตนท์หรือคาธอสิคนั้น อย่าเข้าใจว่ามีอะไรผิดปกติในการเข้าชมโบสถ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่มีอะไร นอกจากจะได้เห็นภาพบางสิงบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปความเปลี่ยนแปลงนั้น เหตุปัจจัยมาจากโบสถ์ศักดิ้สิทธี้ที่เก่าแก่เลอค่าด้วยสถาปัตยกรรมที่ใหญ่โตตระหง่านฟ้า  กระสอบทรายราคาเท่าไหร่ ก่อสร้างอย่างวิจิตร สลักเสลางดงามพิสดาร หรือพรายพราวด้วยกระจกสีหลากหลายรูปพรรณ อันช่างสมัยก่อนได้ประดิษฐ์ประดับไว้สืมือ เพื่อเป็นศาสนบูชานั้น จักต้องใช้เงินก้อนใหญ่โตในการดูและรักษา หรือบูรณะซ่อมแซมปัจจุบัน มูลค่าในการบำรุงรักษาสูงมาก จนคณะบาทหลวงผู้รับสืบทอดมรดกไม่สามารถหาเงินบริจาคมาเกื้อหนุนได้ ดังนั้น พวกเขาจึงยินดีมากที่สามารถขายคาสนสถาน ไปเป็นเหรียญฟลอรินแล้วมอบโบสถ์ให้เอกชนหรือบริษัทธุรกิจ    ผู้ชื้อเข้ามาดูแลงานปฏิสังขรณ์และบำรุงรักษาอาคารสถานที่แทน โดยที่ไม่มืการดัดแปลงแก้ไขรูปแบบสถาปัตยกรรมทางศาสนาภายนอกเลยแต่มืการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในโบสถ์ เพื่อประโยชน!ข้สอยทางด้านธุรกิจ การเข้าอยู่อาดัย หรือการทำงานอย่างเต็มที่ ความรโหฐานและสงัดเงียบในบรรยากาศขรึมขลังทางศาสนาก็หมดไปชาวดัทช์บางคนมองดูการเปลี่ยนแปลงของโบสถ์ ด้วยคำพูดเสมือนหนึ่งจะปลงตก ทั้งที่อาจเป็นการปลอบประโลมใจที่สะท้อนความเศร้าสลดออกมาว่า

กระสอบทราย

วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เคล็ดลับการซ้อมมวยให้กล้ามหน้าท้องขึ้นในระยะ 3 สัปดาห์ 3




ปะป้าครับ...เวลาภูเขาไฟระเบิด มีลาวา และลาวาคืออะไร อิเล็กตรอนคืออะไร ฟ้าผ่าคืออะไร ไอนํ้าคืออะไร ลูกสูบคืออะไร ทำไมรถยนต์จึงวิ่งได้เป็นต้นช่วงลูกอายุได้สี่ถึงห้าขวบ...ลูกผมซนมาก ชอบเรียนรู้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคงจะมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น เหมือนกับเด็กในวัยเดียวกันทั่วๆ ไป ชอบถามว่าทำไมเป็นอย่างนี้ เป็นอย่างนั้นไม่ได้หรือ ไอ้นี่เป็นอะไร อันนั้นคืออะไร เป็นต้นแล้วการเรียนรู้ของลูกก็เกิดขึ้นบนโต๊ะทำงานของพ่อหากงานที่ผมทำอยู่ไม่ใช่งานเร่งด่วนแบบคอขาดบาดตาย ผมจะยอมหยุดทำงานชั่วขณะ ให้เวลากับลูก บนโต๊ะทำงานของผมจะมีลูกโลกจำลองขนาดเล้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งฟุต...แล้วคำถามอยากรู้อยากเห็นของลูกก็เรมต้นขึ้น

ตัวผมเอง จะทำการสำรวจตรวจดูความเรียบร้อยของกระเป้านักเรียนของลูกทุกๆ วัน มีอยู่วันหนึ่งเราสองคนเจอของเล่นตุ๊กตา ที่ทำจากพลาสติกตัวเล็กๆอยู่ในกระเป้านักเรียน ผมจึงถามลูกว่า น้องกฤษ ตุ๊กตาตัวนเป็นของใครลูกผมบอกว่า เป็นของเพื่อน ผมถามต่อไปว่า เพื่อนให้น้องกฤษหรือเปล่าครับลูกตอบว่า ไม่ได้ให้ครับ  กระสอบทรายตั้งพื้นราคาถูก เขาให้ยืมเล่น ผมจึงพูดต่อไปว่า ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ให้ไปคืนเพื่อนนะ ลูกผมบอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นของเพื่อนคนไหน ผมเลยพูดว่า ถ้าอย่างนั้นให้ไปคืนที่คุณครู แล้วคุณครูจะเป็นคนช่วยถามเพื่อนๆ เองว่า เป็นของเล่นของเพื่อนคนไหน...แล้วผมกับแฟนก็แสดงละครให้ดู โดยสมมติว่าตัวผมเองเป็นคุณครู แล้วของเล่นชิ้นนั้นเป็นของแฟนผม ผมให้ลูกนำของเล่นมาคืนให้ผม โดยสมมติว่าผมยืนอยู่ที่หน้าชั้นเรียน แล้วผมก็ทำทีประกาศหาเจ้าของ ให้แฟนผมยกมือขึ้นแล้วพูดว่า ของเล่นเป็นของเขา เมื่อแฟนผมได้ของเล่นแล้ว ผมให้แฟนไปแสดงความขอบใจกับลูก โดยพูดว่าขอบใจน้องกฤษที่นำของเล่นมาคืนให้ เมื่อวานตอนกลับไปบ้าน หาของเล่นไม่เจอรู้สึกเสึยใจพอมาที่โรงเรียนได้ของเล่นกลับคืน ก็รู้สึกดีใจมาก แล้วผมก็เล่นละครต่อ โดยพูดไปว่า ให้นักเรียนทุกคนเอาแบบอย่างเหมือนน้องกฤษ ที่เก็บของที่ไม่ใช่ของตัวเองได้แล้วนำมาคืนที่คุณครู ให้ครูหาเจ้าของ และคืนของเล่นให้กับเจ้าของ ทั้งผมและแฟนช่วยกันปรบมือ กระสอบทรายแขวน ท้ายที่สุดลูกผมบอกว่า พรุ่งนี้จะนำของเล่นไปให้คุณครู เพื่อนจะได้ดีใจ...เรื่องนี้ ผมต้องการสอนให้ลูก รู้จักศีลห้าแบบง่าย ๆ  ช่วงลูกอายุได้สามถึงสี่ขวบ...ช่วงวันหยุดบางครั้งเราจะพาลูกไปซื้อของที่ตลาดนำใกล้ๆ บ้านแล้วเราเริ่มสังเกตพฤติกรรมของลูก ด้วยการทดสอบจิตใจของลูกว่าลูกมีนิสัยอย่างไรผมเริ่มด้วยการชี้ให้ลูกเห็นคุณยายแก่ๆ นั่งพายเรือขายผลไม้ แล้วเริ่มเปิดฉากการสนทนาว่า...พ่อ    ลูกเห็นคุณยายนั่งพายเรือขายสัมโอไหมลูกลูก    เห็นครับพ่อ    เห็นแล้วรู้สึกอย่างไรลูก    สงสารคุณยายครับ คุณยายแก่แล้วยังต้องทำงานอีกพ่อ    แล้วลูกจะทำอะไรครับลูก    ป็ะป้าช่วยซื้อล้มโอของคุณยายหน่อยชิ ปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านหนังสือ...เวลาไปชื้อของช่วงวันหยุด ผมและภรรยาชอบแวะร้านหนังสือ โดยจะพาลูกเดินหาหนังสือเด็ก ช่วงแรกๆ ผมจะซักซวนให้ลูกอ่านหนังสือที่มีรูปหรือที่มีภาพวาดเยอะๆ ยืนอ่านหนังสือให้ลูกฟัง สักครู่เขาจะเลือกหนังสือที่เขาชอบเองราวสองถึงสามเล่ม ให้ผมซื้อนำกสับไปอ่านต่อที่บ้าน ผมจะพาลูกเข้าร้านหนังสือราวเดือนละสองครั้ง ให้ลูกเดินหาหนังสือ นั่งอ่าน และเลือกหนังสือที่เขาชอบ

แล้วผมจะเลือกซื้อหนังสือกลับบ้านให้เขาภาพยนตร์...ละครทีวี...ข่าว...เกมสัโชว์...ภาพยนตร์สารคดี...การ์ตูน...วีiดี...เพลง...โฆษณาทางทีวี... ล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาการของเด็กหลายๆ ด้าน พ่อแม่ต้องพยายามสังเกต เฝืาระวังดูพฤติกรรมของลูก  ...ภาพยนตร์...ช่วงเย็นๆ ราวสี่ถึงห้าโมง ผมเปิดดูภาพยนตร์จีนกำลังภายใน ขณะที่มีลูกนั่งดูอยู่ข้างๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ มีฉากต่อล้กัน แล้วใช้กระบี่ฟันกันจนแขนขาด เลือดไหลเต็มไปหมด ลูกผมนั่งเอามือปิดตา แล้วทำท่าจะร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า ปิะป่าทำไมหนังถึงโหดร้ายลัง ผมจึงรีบเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่นทันที แล้วพยายามอธิบายให้ลูกฟังว่า ที่เห็นนั้นมันเป็นหนัง นวมชกมวย เป็นเรองไม่จริง เขาแสดงให้ดู ไม่มีใครเป็นอะไร ผมเลยถือโอกาสสอนลูกว่า ทีวีเขาสอนไม่ให้เล่นของมีคมกันเช่นมืด เพราะถ้าเล่นแล้ว มีดมันจะบาดมือบาดแขนเลือดไหล แล้วต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นผมไม่เคยเปิดให้ลูกดูหนังประเภทที่มืฉากต่อล้แบบเลือดท่วมจออีกเลย...ละครทีวี...ตั้งแต่มีลูก ผมกับแฟนแทบไม่ได้ดูละครทีวีเลย....บางครั้งเวลามีญาติมานอนค้างที่บ้าน และเปิดทีวีเพื่อดูละคร ผมจะดูว่าเป็นละครเรื่องอะไร หากเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ผมจะพยายามเรียกลูกให้เข้านอน หรือใม่ก็เบี่ยงเบนความสนใจของลูก ด้วยการหาหนังสือที่เขาชอบอ่านหนังสือ หรือเล่านิทานให้ลูกฟัง โดยจะบอกลูกว่าเป็นละครของผู้ใหญ่เป็นละครน้ำเน่า เด็กไม่ควรดู หากลูกไม่ยอม ผมจะขอให้ปิดทีวีชั่วขณะแล้วพาลูกเข้านอน หลังจากนั้นจึงให้ญาติเปิดดูละครต่อ...ข่าว...ผมสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง  อุปกรณ์ซ้อมมวยราคา โดยที่ฟอ แม่ และลูกจะนั่งดูข่าวทางทีวีหลังรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นประจำ ขณะดูข่าวผมกับแฟนจะพยายามสอนลูกด้วย...ลูกผมชอบดูหนังประเภทสารคดีมาก เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้กับแฟนผมที่ชอบเลือกซื้อภาพยนตร์วีชดีประเภทสัตว์โลก และประเภทที่แสดงการเล่าเรื่องปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แบบที่มืภาพการ์ตูนประกอบ เช่นการเกิดฝน การประดิษฐ์สิ่งของเครื่องมือต่างๆ เช่น รถลักรไอนํ้า หลอดไฟฟ้าเครื่องบิน ฯลฯ ลูกผมชอบดูภาพยนตร์ประ๓ทนี้ เมื่อลูกมีอายุได้ราวสามขวบเศษๆ แกมักจะมืคำถามแปลกๆ ตั้งคำถามถามผม จนผมไม่สามารถหาคำตอบแบบลันๆ มาอธิบายให้ลูกเข้าใจได้ง่ายๆ ตัวอย่างคำถาม ได้แก่

กระสอบทราย